การเดย์เทรดคือวิธีที่เน้นการซื้อและขายหุ้น สกุลเงินต่างประเทศ สินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงินดิจิทัล และตราสารการเงินอื่นๆภายในวันเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้นักเทรดสามารถใช้ประโยชน์จากโลกการเทรดความเร็วสูง ซึ่งแนวโน้มระยะสั้นสามารถทำกำไรได้จำนวนมาก การเดย์เทรดมีความน่าสนใจสำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและนักเทรดที่มีประสบการณ์ เนื่องจากมีข้อได้เปรียบเหนือกลยุทธ์การเทรดอื่นๆ มากมาย

☝️
แม้ว่าการเดย์เทรดจะน่าตื่นเต้นและคุ้มค่า แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับกลยุทธ์ การวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่ดี

มาเจาะลึกในหัวข้อนี้และสำรวจทุกแง่มุมของการเดย์เทรดโดยละเอียด

การเดย์เทรดคืออะไร

เป้าหมายหลักของการเดย์เทรดคือใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคาเล็กน้อยในสินทรัพย์เหล่านี้และทำกำไรอย่างรวดเร็ว นักเทรดแบบเดย์เทรดไม่ได้ถือครองสถานะข้ามคืน แต่ปิดเทรดทั้งหมดก่อนที่ตลาดจะปิดในวันนั้นๆ ลักษณะสำคัญบางประการของการเดย์เทรดได้แก่

  • กรอบเวลาสั้น นักเทรดแบบเดย์เทรดเน้นไปที่ความเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้น การเทรดภายในหนึ่งนาที ชั่วโมง หรือถือครองสถานะไว้ทั้งวัน เทรดไม่ต้องถือข้ามวัน ซึ่งช่วยหลีกเลี่ยงค่าคอมมิชชั่นข้ามคืนได้
  • ทำการเทรดเยอะ นักเทรดแบบเดย์เทรดชอบทำการเทรดหลายสิบครั้งภายในหนึ่งวัน เหมาะสำหรับขนาดเงินลงทุนจำนวนไม่มาก สิ่งนี้ทำให้สามารถจัดการความเสี่ยงได้ ซึ่งจะรวมกำไรเล็กๆ เป็นกำไรก้อนใหญ่
  • ใช้เลเวอเรจ ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น นักเทรดแบบเดย์เทรดมุ่งเน้นไปที่การเคลื่อนไหวของตลาดระยะสั้นและมีแนวโน้มที่จะลงทุนจำนวนไม่มาก โดยใช้ประโยชน์จากเลเวอเรจที่โบรกเกอร์มอบให้ สิ่งนี้ทำให้สามารถเทรดได้ด้วยจำนวนเงินที่มากกว่าที่ลงทุน และเพิ่มผลตอบแทนที่มีโอกาสได้รับสูงสุด
  • การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการเฝ้าดูอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์การเดย์เทรดส่วนมากอ้างอิงตามเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค ตัวชี้วัด รูปแบบกราฟ นักเทรดจะศึกษาข้อมูลย้อนหลังเพื่อเข้าใจข้อสรุปเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของราคาที่เป็นไปได้ในอนาคต ในขณะเดียวกัน นักเทรดจะติดตามสภาวะตลาดอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มองเห็นการเทรดที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

การเดย์เทรดสำหรับมือใหม่

การเดย์เทรดคือแนวทางที่ต้องการทักษะการใช้งาน ซึ่งเป็นสาเหตุที่มือใหม่มักไม่ค่อยใช้งาน แนวทางนี้จำเป็นต้องพัฒนาทักษะการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ดีเพื่อมองหาจุดเข้าเทรด เช่นเดียวกับการเรียนรู้จิตวิทยาการเทรดเพื่อควบคุมการตัดสินใจตามแรงกระตุ้น เนื่องจากการเดย์เทรดเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงสูง จึงมีบทเรียนและการฝึกฝนจำนวนมากที่มือใหม่จะต้องทำความเข้าใจ นักเทรดบางส่วนเลือกเส้นทางการเทรดระยะกลางที่ถือครองไว้เป็นเวลานาน และความเสี่ยงลดลง

การเทรดระยะกลางมีข้อดี แต่การถือไว้นานๆ และเทรดไม่กี่ครั้ง (ตรงข้ามกับการเดย์เทรดที่เปิดและปิดเทรดหลายครั้งภายในวันเดียว) ไม่รับประกันว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ในทางตรงกันข้าม นักเทรดมักถูกล่อลวงให้ลงทุนในการเทรดจำนวนมากขึ้น และถือไว้เป็นระยะเวลานาน (เช่น หลายสัปดาห์) ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักเทรดจะพลาดจังหวะออกเทรดที่เหมาะสม ทำให้สูญเสียเงินลงทุน หรือพลาดโอกาสทำกำไรมากขึ้น การเดย์เทรดรองรับเรื่องนี้ เพราะไม่มีสถานะที่ถือไว้ข้ามคืน

ไม่ว่าคุณจะเลือกเส้นทางไหน กรอบเวลาสั้นหรือเทรดนานกว่า การเรียนรู้กลยุทธ์การเดย์เทรดจะมีประโยชน์ เนื่องจากสามารถช่วยพัฒนาทักษะการเทรดที่หลากหลายและสร้างการยอมรับความเสี่ยงได้ ในฐานะมือใหม่ คุณอาจทำความคุ้นเคยกับคำศัพท์ที่จำเป็นก่อนแล้วจึงฝึกฝน กลยุทธ์การเดย์เทรดบนบัญชีทดลองเพื่อทำความคุ้นเคยและสะสมประสบการณ์

คำศัพท์การเดย์เทรดที่สำคัญ

การเข้าใจการเดย์เทรดและศึกษากลยุทธ์การเดย์เทรดยอดนิยมต้องเรียนรู้คำศัพท์การเดย์เทรดที่สำคัญซึ่งมักถูกใช้ในกระบวนการเทรด มาดูคำศัพท์ที่ถูกใช้มากที่สุดที่คุณต้องทำความคุ้นเคย 

  • ความผันผวน (Volatility) – วัดระดับความผันผวนของราคาในสินทรัพย์ นักเทรดแบบเดย์เทรดชอบสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงเพราะให้โอกาสมากกว่าสำหรับเทรด
  • สภาพคล่อง (Liquidity) – หมายถึงความง่ายในการซื้อหรือขายสินทรัพย์โดยไม่กระทบต่อราคา สินทรัพย์สภาพคล่องสูงมีผู้ซื้อและผู้ขายจำนวนมาก ทำให้ง่ายในการเข้าออกจากเทรด
  • หยุดขาดทุน (Stop Loss) – ในการเปิดหลายสถานะ นักเทรดจำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องมือที่สามารถจำกัดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น Stop loss คือคำสั่งที่สามารถนำไปใช้งานเพื่อปิดสถานะในกรณีที่เริ่มเสียเงิน
  • อัตราส่วนความเสี่ยง/ผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) – การวัดกำไรที่อาจเกิดขึ้นกับการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เป็นบวกบ่งชี้ว่ากำไรที่เป็นไปได้มีมากกว่าการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่
  • กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) – ในกรณีส่วนใหญ่ นักเทรดแบบเดย์เทรดจะเลือกกราฟแท่งเทียนมากกว่ากราฟเชิงเส้นเนื่องจากฟังก์ชันการทำงาน แท่งเทียนแต่ละแท่งแสดงถึงราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลาที่เลือก ช่วยให้เห็นภาพข้อมูลบนกราฟได้อย่างสะดวก
  • ตลาดกระทิง (Bull Market) – ช่วงที่ราคาสูงขึ้นเป็นเวลานาน จำแนกโดยการมองในแง่ดีของนักลงทุนต่อสินทรัพย์
  • ตลาดหมี (Bear Market) – ช่วงที่ราคาสินทรัพย์ตกต่ำเป็นเวลานาน จำแนกโดยการมองในแง่ร้ายของนักลงทุนต่อสินทรัพย์

กลยุทธ์การเดย์เทรด

มีกลยุทธ์การเดย์เทรดจำนวนมากให้ใช้งาน แต่ละอันมาพร้อมข้อดีและข้อเสีย สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือมีการเคลื่อนไหวภายในวันเดียวกัน และมักจะกำหนดเป้าหมายความเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น

สกัลปิ้ง (Scalping)

เป้าหมายหลักของกลยุทธ์ที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็วนี้คือการสร้างผลลัพธ์จำนวนมากจากการเทรดระยะสั้นหลายครั้งโดยมีกำไรเพียงเล็กน้อย สกัลปิ้งถือว่าเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งตั้งเป้าไปที่ความเคลื่อนไหวเล็กน้อย ทำให้มีจุดเข้าเทรดจำนวนมาก โดยปกติเทรดจะมีอายุตั้งแต่หลายวินาทีไปจนถึงหลายนาที และใช้เงินลงทุนไม่กี่ดอลลาร์ การสร้างความเคลื่อนไหวเล็กน้อยทำให้นักลงทุนสามารถเพิ่มกำไรได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องเสี่ยงใช้เงินลงทุนก้อนโตในครั้งเดียว

ด้านการวิเคราะห์ของการเทรดแบบสกัลปิ้งเกี่ยวข้องกับการใช้ตัวชี้วัดติดตามแนวโน้ม เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ในขณะเดียวกันก็คอยจับตาดูปริมาณด้วย นักเทรดที่ใช้แนวทางนี้สามารถสร้างดีลได้หลายสิบหรือหลายร้อยดีลภายในหนึ่งวัน ซึ่งต้องใช้วินัยและการควบคุมตนเองในระดับสูง นอกจากนี้ การเทรดแบบสกัลปิ้งต้องใช้กลยุทธ์การออกเทรดที่เข้มงวด เนื่องจากการขาดทุนจำนวนมากอาจทำให้กำไรที่ได้มาหายไป

การเทรดในกรอบราคา (Range Trading)

การเทรดในกรอบราคา (Range Trading) จะหาช่วงราคาหรือแนวรับและแนวต้านของสินทรัพย์ที่กำลังเทรด นักเทรดจะซื้อใกล้ระดับแนวรับและขายใกล้ระดับแนวต้าน โดยคาดว่าราคาจะยังคงอยู่ในกรอบที่กำหนด การเทรดในกรอบราคาจะมีประสิทธิภาพเมื่อตลาดขาดแนวโน้มที่ชัดเจน

ตัวอย่างเช่น หากสินทรัพย์ซื้อขายที่ $45 และนักเทรดเชื่อว่าจะถึง $50 ก็จะเทรดภายในกรอบราคานั้นจนกว่าจะถึงราคาเป้าหมาย การตั้งค่าจุดเข้าออกที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเทรดประเภทนี้ และตัวชี้วัดทางเทคนิค โดยเฉพาะออสซิลเลเตอร์ มักใช้เพื่อระบุ Overbought/Oversold

การเทรดตามโมเมนตัม (Momentum Trading)

การเทรดตามโมเมนตัมจะเน้นไปที่หุ้นหรือสินทรัพย์มีความเคลื่อนไหวของราคาอย่างรุนแรงพร้อมปริมาณการเทรดที่สูง ซึ่งจะเน้น “มุ่งทำกำไร” ด้วยการซื้อสินทรัพย์ที่กำลังเติบโต และขายตอนที่กำลังถดถอย กลยุทธ์นี้ต้องอาศัยความเชื่อว่าแนวโน้มราคาที่แข็งแกร่งจะดำเนินต่อไปในระยะสั้นๆ

แนวทางคลาสสิกนี้ถือเป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงปานกลาง ตราบใดที่ยังมีเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม จุดสนใจของการเทรดโมเมนตัมคือการมองหาแนวโน้มที่เกิดขึ้นและรีบออกก่อนที่จะเกิดการกลับตัว นักเทรดโมเมนตัมต้องใช้ทั้งตัวชี้วัดทางเทคนิค และรูปแบบกราฟ เพื่อกำหนดทิศทางของแนวโน้ม

การเทรดจุดกลับตัว (Reversal Trading)

แทนที่จะไปตามแนวโน้ม กลยุทธ์จุดกลับตัวพยายามมองหาจุดกลับตัวที่เป็นไปได้ในตลาด การเทรดจุดกลับตัวจะมองหาสัญญาณที่บอกว่าแนวโน้มที่กำลังดำเนินอยู่กำลังจะสิ้นสุด และอาจเป็นทิศทางย้อนกลับ กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อใกล้จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลงหรือการขายใกล้จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น

หากต้องการกำหนดจุดกลับตัว นักเทรดต้องใช้รูปแบบกราฟจุดกลับตัวพร้อมตัวชี้วัดทางเทคนิค และเครื่องมือกราฟิก สินทรัพย์อาจมีการกลับตัวของราคาไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับความผันผวน และการเทรดแบบกลับตัวมักจะใช้ร่วมกับกลยุทธ์อื่นๆ ได้

ช้อดีและข้อเสียของการเดย์เทรด

กลยุทธ์การเทรดเดย์เทรดมีทั้งข้อดีและข้อเสีย และสิ่งสำคัญคือต้องทำความคุ้นเคยกับทั้งสองกลยุทธ์ก่อนที่จะเลือกการเดย์เทรดเป็นวิธีการเทรด

ข้อดีของการเดย์เทรด

  • โอกาสที่จำได้กำไรสูง – เป้าหมายของนักเทรดแบบเดย์เทรดคือทำกำไรจากความผันผวนของราคาระยะสั้นถ้าดำเนินการถูกต้อง
  • ไม่มีค่าธรรมเนียมข้ามคืน – นักเทรดแบบเดย์เทรดไม่ถือสถานะข้ามคืน ซึ่งหมายความว่าไม่ต้องเสี่ยงกับค่าธรรมเนียมข้ามคืน และเทรดจะไม่ได้รับผลกระทบจากช่องว่างของราคา
  • สภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น – การเดย์เทรดมักเกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง ทำให้มันง่ายในการเข้าและออกสถานะอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการเลื่อนหลุดของราคาที่สำคัญ
  • ฟีดแบ็กที่รวดเร็ว – การเดย์เทรดให้ฟีดแบ็กเกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรดที่รวดเร็ว ทำให้นักเทรดสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้อย่างรวดเร็ว
  • การเทรดความเร็วสูง – การเดย์เทรดทำให้เทรดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจเป็นเรื่องตื่นเต้นได้

ข้อเสียของการเดย์เทรด

  • ความเสี่ยงสูง – การเดย์เทรดมีความเสี่ยงสูง และการขาดทุนสามารถสะสมได้อย่างรวดเร็วเพราะความถี่ของเทรดและเลเวอเรจที่ใช้
  • ต้องใช้เวลา – การเดย์เทรดที่ประสบความสำเร็จต้องใช้ความมุ่งมั่นสูงมาก เพราะนักเทรดต้องเฝ้าตลาดตลอดทั้งวัน
  • ความเครียดทางอารมณ์ – ความรวดเร็วของการเดย์เทรดสามารถนำไปสู่ความเครียดทางอารมณ์ ความวิตกกังวล และการตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่น ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อผลการเทรด
  • ความหลากหลายที่จำกัด – นักเทรดแบบเดย์เทรดมักจะมุ่งเน้นไปที่สินทรัพย์จำนวนเล็กน้อย ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดความหลากหลายในพอร์ตการลงทุน และเพิ่มความเสี่ยง

สรุป

การเดย์เทรดคือแนวทางที่เหมาะกับมือใหม่และนักเทรดที่มีประสบการณ์ ในการเดย์เทรด ดีลจะถูกเปิดและปิดในวันเดียวกัน และนำกลยุทธ์ต่างๆ มาใช้เพื่อให้บรรลุกำไรเป้าหมาย ต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบและมีความรู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับตลาดการเทรด เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงและอาจนำไปสู่การสูญเสียหากไม่ได้ใช้อย่างเหมาะสม การเดย์เทรดมีข้อดีและข้อเสียที่ต้องนำมาพิจารณาด้วยเช่นกัน

เคยทำการเดย์เทรดมาก่อนหรือไม่? แชร์ประสบการณ์ในช่องแสดงความคิดเห็นด้านล่าง!

เทรดตอนนี้