คุณมองหาอะไรเมื่อพิจารณาสินทรัพย์ใหม่สำหรับการเทรด บ้างมองไปที่ลักษณะเฉพาะพื้นฐาน บ้างชอบข้อมูลปัจจัยทางเทคนิคมากกว่า ขณะที่ทั้งสองแนวทางมีข้อดีของตัวเอง วันนี้เราจะมาพูดถึงแนวทางแรกและ แนวคิดหลักเกี่ยวกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและวิธีการใช้งานมันสำหรับการเทรด

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคืออะไร

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคือกระบวนการในการวัดค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ (หรือเรียกว่ามูลค่าที่แท้จริง) ผ่านการตรวจสอบสถานะทางการเงินของสินทรัพย์และปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอก เป้าหมายเพื่อเข้าใจว่าราคาของสินทรัพย์ถูกประเมินโดยตลาดอย่างถูกต้องหรือไม่ในเวลานั้นๆ ส่งผลให้ นักเทรดควรสามารถเปรียบเทียบคำตอบของเขากับราคาตลาดปัจจุบันได้และสรุปว่าสินทรัพย์มีค่ามากเกินไปหรือน้อยเกินไป ซึ่งสิ่งที่ได้รับกลับมาคือโอกาสการเทรด

แนวคิดหลัก

ตรรกะเบื้องหลังการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานอ้างอิงตามสมมติฐานต่อไปนี้:

  • ราคาปัจจุบันของสินทรัพย์ไม่สะท้อนค่าที่แท้จริงของมันตามข้อมูลที่มีอยู่ในแหล่งที่มาแบบเปิด
  • ค่าของสินทรัพย์ถูกกำหนดโดยข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวข้องมากกว่าราคาตลดาปัจจุบัน
  • ณ จุดหนึ่ง ราคาตลาดจะตรงกับข้อมูลพื้นฐาน

ข้อมูลส่วนใหญ่ที่วิเคราะห์สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภท: เชิงปริมาณ (เชิงตัวเลข) และเชิงคุณภาพ (คำอธิบาย, สัมพันธ์กับคุณภาพ) อันแรกสามารถรวบรวมได้จากรายงานทางการเงินที่มีข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ กำไร หนี้สิน ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ข้อมูลสามารถประเมินแยกกันหรือเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นจากภาคส่วน/อุตสาหกรรมเดียวกันหรือสินทรัพย์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันได้

ดูข้อมูลจากรายงานประจำปีของ Twitter, Inc. ให้ข้อมูลตัวเลขสำหรับกระแสเงินสดของบริษัทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังให้โอกาสในการเปรียบเทียบผลลัพธ์ทางการเงินในปัจจุบันกับช่วงเวลาก่อนหน้า

This image has an empty alt attribute; its file name is twitter-1024x359.png
ส่วนหนึ่งของรายงานประจำปีของ Twitter, Inc สำหรับปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2021

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเชิงคุณภาพนั้นจับต้องไม่ได้และต้องการความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับรูปแบบธุรกิจและกลยุทธ์ รวมถึงรูปแบบพฤติกรรมของการจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการพิสูจน์ความสามารถหรือความสงสัยในความน่าเชื่อถือ การรับรู้แบรนด์ ความได้เปรียบในการแข่งขัน ความพึงพอใจของลูกค้า และปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยรวมของธุรกิจใดๆ

ตัวอย่างเช่น บริษัทยาได้นำเสนอยาชนิดใหม่ที่ประสบความสำเร็จผ่านการทดลองหลายครั้ง ส่งผลให้ได้เปรียบคู่แข่งซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้น สิ่งนี้เกิดขึ้นกับบริษัทที่ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 เช่น Pfizer, Inc., AstraZeneca plc.

สิ่งสำคัญคือต้องใส่ใจกับข้อมูลทั้งสองประเภท ข้อมูลเชิงคุณภาพหรือเชิงปริมาณไม่สามารถให้ข้อมูลสมบูรณ์เกี่ยวกับสถานะทางการเงินของบริษัทได้ด้วยตัวเอง เมื่อพิจารณาร่วมกัน อาจให้ภาพที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันของบริษัทหรือสินทรัพย์และศักยภาพในการเติบโต

วิธีการทำงาน

มีวิธีการต่างๆ ในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสำหรับการเทรด มาดูสองแนวทางที่อาจถือว่าเป็นที่นิยมที่สุดในบรรดานักวิเคราะห์กัน

↓ การวิเคราะห์แบบบนลงล่าง

This image has an empty alt attribute; its file name is Top-down-analysis.png
ขั้นตอนหลักของการวิเคราะห์แบบบนลงล่าง

ตามวิธีนี้ ควรพิจารณาปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคที่มีอิทธิพลต่อสภาพเศรษฐกิจโดยทั่วไปก่อน ซึ่งรวมถึงข้อตกลงการค้าระดับโลกและระดับภูมิภาค กฎระเบียบทางการเงิน ความไม่มั่นคงทางการเมือง อัตราการว่างงาน ผลพวงของภัยธรรมชาติล่าสุด และอื่นๆ การศึกษาวัฏจักรเศรษฐกิจอาจพิสูจน์ได้ว่ามีประโยชน์ เนื่องจากช่วยให้เข้าใจแนวโน้มโดยรวมของการพัฒนาเศรษฐกิจโลก เป้าหมายของขั้นตอนแรกนี้คือการทำความเข้าใจว่าภาคส่วนและอุตสาหกรรมใดที่จะได้รับประโยชน์จากสภาวะปัจจุบัน

ตัวอย่างเช่น ในช่วงการระบาดใหญ่ของ Covid-19 อุตสาหกรรมการบินได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากความต้องการการเดินทางลดลง สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับภาคการท่องเที่ยว แม้แต่บริษัทที่ประสบความสำเร็จและทำกำไรได้มากที่สุดที่มีผลประกอบการทางการเงินที่ดีก็ได้รับผลกระทบในทางลบ ในทางตรงกันข้าม บริษัทที่นำเสนอบริการสื่อสารออนไลน์ที่ใช้สำหรับงานทางไกล เช่น Zoom Video Communications, Inc. ได้รับประโยชน์อย่างมากจากการเปลี่ยนแปลงนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น

การเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นของ Zoom Video Communications, Inc. ในเดือนมีนาคม-ตุลาคม 2020

ขั้นต่อไปคือการตรวจสอบภาคส่วนและอุตสาหกรรมเฉพาะที่มีแนวโน้มว่าจะทำได้ดีในอนาคตโดยอิงจากการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค ทั้งหมดนี้การทำความเข้าใจปัจจัยหลักที่มีผลกระทบต่อภาคส่วนนี้ ใครคือผู้เล่นหลัก อะไรขับเคลื่อนการแข่งขัน บริษัทต้องผ่านวงจรธุรกิจประเภทใด คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้อาจให้เบาะแสว่ารูปแบบธุรกิจใดมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน และชี้ให้เห็นถึงบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตมากกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ จากภาคเดียวกัน

ยกตัวอย่างอุตสาหกรรมวิดีโอเกม มีผู้เล่นรายใหญ่หลายรายเช่น Sony Interactive Entertainment (เจ้าของ PlayStation), Nintendo, Microsoft Corporation พวกเขามีผลงานทางการเงินที่ดี ชื่อแบรนด์ระดับโลก และลูกค้าประจำจำนวนมาก แต่มีปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กลยุทธ์ของผู้บริหาร วิธีการโฆษณา ความร่วมมือใหม่ๆ และการเข้าซื้อกิจการของคู่แข่ง เป็นต้น สิ่งเหล่านี้อาจเปลี่ยนจุดสนใจจากบริษัทหนึ่งไปยังอีกบริษัทหนึ่งได้ตลอดเวลา และนำเสนอโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักเทรดที่ฉลาด

สุดท้าย เราได้วิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับบริษัทที่เลือกผ่านการประเมินครั้งก่อน ในการทำเช่นนั้น สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบเอกสารทางการเงินของบริษัทอย่างละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงบดุล งบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด โดยปกติสามารถพบได้ในรายงานทางการเงินอย่างเป็นทางการที่เผยแพร่เป็นรายไตรมาสหรือทุกปี

งบดุลรวมถึงบันทึกของสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท ณ เวลาหนึ่ง ในทางกลับกัน งบกำไรขาดทุนจะนำเสนอภาพรวมของผลการดำเนินงานในช่วงระยะเวลาหนึ่ง (โดยปกติคือไตรมาสหรือหนึ่งปี) ครอบคลุมรายได้ ค่าใช้จ่าย และกำไรที่เกิดในช่วงเวลาดังกล่าว งบกระแสเงินสดให้ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเงินสด

อัตราส่วนทางการเงิน

มีอัตราส่วนเฉพาะที่คำนวณตามข้อมูลในรายงานทางการเงินที่กล่าวข้างต้น พวกมันอาจให้เบาะแสว่าธุรกิจกำลังไปได้สวยในตอนนี้และอนาคตของธุรกิจจะเป็นอย่างไร มีอัตราส่วนที่แตกต่างกันค่อนข้างน้อยสำหรับการวิเคราะห์ ต่อไปนี้คือบางส่วนที่อาจถือเป็นพื้นฐานและเข้าใจง่ายที่สุด*

  • อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E)

คำนวณโดยการหารราคาหุ้นปัจจุบันด้วยกำไรต่อหุ้น เปิดโอกาสให้เข้าใจคุณค่าของบริษัทโดยเปรียบเทียบกับผลงานที่ผ่านมาหรือธุรกิจอื่นๆ

  • รายได้ต่อหุ้น (EPS)

ประมาณการโดยการหารกำไรสุทธิของบริษัทด้วยจำนวนหุ้นปัจจุบัน อัตราส่วนนี้บอกว่าบริษัทมีรายได้ต่อหุ้นเท่าใด

  • อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E)

คำนวณโดยการหารหนี้ทั้งหมดของบริษัทด้วยส่วนของผู้ถือหุ้น เพื่อให้เข้าใจว่ามีการใช้เลเวอเรจมากน้อยเพียงใดและมีความเสี่ยงต่อผู้ถือหุ้นหรือไม่

  • อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA)

ในการคำนวณ คุณต้องหารกำไรสุทธิด้วยสินทรัพย์ทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าบริษัททำกำไรได้มากเพียงใดจากสินทรัพย์ทุกๆ ดอลลาร์ จึงเป็นการแสดงหลักฐานว่าใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่เพื่อสร้างผลกำไรได้ดีเพียงใด

แม้ว่าคุณจะสามารถท้าทายทักษะทางคณิตศาสตร์และลองคำนวณอัตราส่วนเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง แต่ก็ยังสามารถค้นหาได้จากเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ทางการเงิน เช่น Investing.com และ Finviz เมื่อประเมินธุรกิจตามอัตราส่วนเหล่านี้ อย่าลืมทำความเข้าใจตัวเลขที่เหมาะสมสำหรับแต่ละอุตสาหกรรม เนื่องจากอาจแตกต่างกันไป

This image has an empty alt attribute; its file name is Tesla-ratios-1024x313.png
อัตราส่วนทางการเงินปัจจุบันที่คำนวณสำหรับ Tesla, Inc. 

แหล่งที่มา: https://www.investing.com/equities/tesla-motors-ratios

↑ การวิเคราะห์ล่างขึ้นบน

วิธีนี้ทำตามขั้นตอนเดียวกับขั้นตอนก่อนหน้า แต่ดำเนินการย้อนกลับ มันเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวถึงข้างต้น แต่คราวนี้เริ่มจากด้านล่าง – การแก้ไขงบการเงินของบริษัท – และเลื่อนขึ้นสู่ปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค

ทั้งสองวิธีให้ข้อมูลจำนวนมากที่สามารถใช้ในการตัดสินใจเทรดได้ หากคุณต้องการวิเคราะห์มุมมองของบริษัทใดบริษัทหนึ่งโดยเฉพาะเพื่อทำความเข้าใจว่าบริษัทมีศักยภาพที่จะทำผลงานได้ดีในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในปัจจุบันหรือไม่ ก็ควรใช้แนวทางจากล่างขึ้นบน อย่างไรก็ตาม หากคุณสนใจที่จะได้รับมุมมองที่กว้างขึ้นและดูปัจจัยระดับโลกที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและบริษัทต่างๆ การเริ่มจากด้านบนอาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

นอกเหนือจากการวิเคราะห์สภาพเศรษฐกิจและรายงานทางการเงินซึ่งส่วนใหญ่สร้างข้อมูลเชิงปริมาณแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องใส่ใจกับข้อมูลเชิงคุณภาพด้วย ซึ่งรวมถึงข่าวการเมืองและเศรษฐกิจ ข้อมูลเกี่ยวกับการควบรวมกิจการของบริษัท การเปลี่ยนแปลงในการจัดการ เช่น การว่าจ้าง การเลิกจ้าง และแม้แต่เรื่องอื้อฉาวที่อาจส่งผลต่อชื่อเสียงของบริษัท และในที่สุดก็มีอิทธิพลต่อการพัฒนาในอนาคต เหตุการณ์เหล่านี้อาจมีผลกระทบต่อธุรกิจมากกว่าข้อมูลในรายงานทางการเงิน

ตัวอย่างเช่น ลองดูความผันผวนของราคาหุ้นของ Activision Blizzard, Inc. ในปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งแรกเกิดขึ้นหลังจากการฟ้องร้องบริษัทในเดือนกรกฎาคม 2021 โดยกล่าวหาว่าบริษัทส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานที่ไม่ดีต่อสุขภาพ การล่วงละเมิดทางเพศ การจ่ายเงินที่ไม่เท่าเทียมกัน และความผิดอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง คดีตามมาด้วยการสอบสวนเป็นเวลานานในกิจกรรมของฝ่ายบริหารเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในระหว่างนั้น CEO ของบริษัทถูกกล่าวหาว่าปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการประพฤติมิชอบของพนักงานในเดือนพฤศจิกายน 2021

ราคาหุ้นของ Activision Blizzard, Inc. ลดลงอย่างกะทันหันในเดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายน 2021

แม้ว่าคดีความจะไม่ถูกตัดสินจนถึงเดือนมีนาคม 2022 ราคาหุ้นก็กลับมาในเดือนมกราคม 2022 สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากการประกาศการเข้าซื้อกิจการของ Activision Blizzard โดย Microsoft Corporation

Activision Blizzard, Inc. การเติบโตของราคาหุ้นหลังการประกาศซื้อกิจการ

เมื่อใดควรใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสำหรับการเทรด

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสามารถใช้ในการประเมินสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อค้นหาทั้งโอกาสการลงทุนและการเทรด อาจถือว่ามีประโยชน์มากกว่าสำหรับการวิเคราะห์แนวโน้มในระยะยาว เนื่องจากมีข้อมูลเกี่ยวกับการเติบโตที่อาจเกิดขึ้นซึ่งตลาดปัจจุบันยังไม่ได้สะท้อนอย่างเต็มที่ แต่ก็สามารถใช้สำหรับเทรดระยะสั้นได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น การติดตามรายงานทางการเงินหรือข่าวที่กระทบต่อแนวโน้มโดยรวมของบริษัทและทรัพย์สินของบริษัท หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกหุ้นที่ดีที่สุด โปรดอ่านบทความนี้ที่มีภาพรวมของปัจจัยต่างๆ ที่ควรคำนึงถึงในการตัดสินใจเทรด

สรุป

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทหรือสินทรัพย์ หากอย่างถูกต้องก็อาจให้โอกาสในการเทรดได้ แต่ต้องมีการวิจัยและวิเคราะห์รายงานทางการเงินเป็นจำนวนมาก รวมทั้งปัจจัยภายในและภายนอกจำนวนหนึ่งที่อาจส่งผลต่อราคา อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะทำอย่างถูกต้อง แต่ก็ไม่ได้รับประกันความสำเร็จ: บางครั้งอาจต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อให้ตลาดตามทันและเริ่มสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์

เทรดตอนนี้