การเลือกกลยุทธ์การเทรดที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่เป็นสิ่งที่นักเทรดมือใหม่ทุกคนต้องเผชิญ กลยุทธ์เทรดมีมากมายนับร้อย ไม่ว่าจะเป็นการเดย์เทรด การเทรดข่าว สกัลปิ้ง การเทรดสวนเทรนด์ และอีกมากมาย แต่ละวิธีต่างก็มีข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นการเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทายและใช้เวลานาน วันนี้เราจะมาดูเกี่ยวกับปัจจัยสำคัญที่นักเทรดต้องพิจารณาเมื่อต้องวางแผนกลยุทธ์การเทรด

กลยุทธ์การเทรดที่ดีที่สุดคืออะไร

ในแนวทางการเทรด ไม่มีกลยุทธ์ไหนที่เป็นกลยุทธ์การเทรดที่ดีที่สุด บางวิธีมีประสิทธิภาพมากกว่าวิธีอื่น บางวิธีเข้าใจง่ายกว่า แต่ไม่มีวิธีที่เหมาะกับทุกคน และไม่มีวิธีที่ใช้ได้กับทุกคน

☝️
ขอย้ำอีกครั้งว่าไม่มีทางลัดสำหรับกลยุทธ์เทรด กลยุทธ์เทรดเดียวที่สมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องลองใช้กลยุทธ์ต่างๆ และสร้างแนวทางส่วนตัวที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของตนเอง

ข้อผิดพลาดทั่วไปของนักเทรดมือใหม่คือการเลือกกลยุทธ์เทรดแบบไม่ได้ตั้งใจ หลังจากลองครั้งสองครั้งแล้วผิดหวังก็จะหันไปลองกลยุทธ์อื่น ส่วนสำคัญของการพัฒนากลยุทธ์คือการวิเคราะห์ความชอบส่วนตัว และสร้างกลยุทธ์ขึ้นจากสิ่งเหล่านี้

แล้วจะเลือกกลยุทธ์เทรดอย่างไร? ต้องพิจารณาปัจจัยใดบ้าง? 

กลยุทธ์ที่ดีต้องมี 4 องค์ประกอบหลัก

ตรวจสอบดูว่ากลยุทธ์เทรดที่คุณเลือกตามความต้องการสอดคล้องกับสี่ข้อต่อไปนี้หรือไม่

✅ ตราสารการเทรด

ก่อนที่จะเลือกกลยุทธ์ คุณต้องตัดสินใจเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่จะเทรด ยกตัวอย่างเช่น การเทรดไบนารีออปชันต้องใช้แนวทางที่รวดเร็วอย่างการวิเคราะห์ทางเทคนิคและไม่มีการวิเคราะห์พื้นฐาน ส่วนการเทรดหุ้นต้องศึกษาปัจจัยพื้นฐานก่อนที่จะเข้าเทรด และเรียนรู้เกี่ยวกับบริษัทที่กำลังลงทุน นักเทรดฟอเร็กซ์จะต้องเรียนรู้แนวคิดพื้นฐานทั้งหมด รวมถึงสกุลเงินฐานและสกุลเงินอ้างอิง คู่สกุลเงินหลักและสกุลเงินแปลกใหม่ เป็นต้น

ประเภทของสินทรัพย์ที่คุณกำลังเทรดจะเป็นตัวกำหนดปัจจัยอื่นๆ เช่น กรอบเวลา

✅ กรอบเวลา

เมื่อต้องเลือกกลยุทธ์การเทรดที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่ ระยะเวลาของการเทรดเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา บางวิธีใช้งานได้ดีที่สุดในการเทรดระยะสั้น (ตั้งแต่หลายนาทีถึงหลายชั่วโมง) ในขณะที่วิธีอื่นๆ เหมาะกับกรอบเวลาที่นานขึ้น (หลายวันหรือหลายเดือน) ยกตัวอย่างเช่น คนที่มีเวลาเยอะอาจเลือกเทรดข่าวหรือการซื้อขายแบบถือสถานะ(Position Trading) ส่วนนักเทรดที่เน้นกรอบเวลาสั้นๆ อาจใช้แนวทางสวิงเทรด (Swing Trading) หรือรูปแบบแท่งเทียน

✅ ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk Tolerance)

ส่วนใหญ่แล้วกลยุทธ์เทรดของคุณจะขึ้นอยู่กับระดับการยอมรับความเสี่ยง ซึ่งรวมถึงขนาดเงินทุน สถานะทางการเงิน เลเวอเรจที่ใช้ และพร้อมเทรดบ่อยแค่ไหน นักเทรดที่เงินทุนเยอะมักจะมีจำนวนเงินลงทุนที่สูงกว่าและระยะเวลาการเทรดยาวนานกว่า ส่วนนักเทรดที่มีเงินทุนน้อยกว่าชอบสะสมผลตอบแทนจากการเทรดระยะสั้นหลายๆ ครั้งด้วยเงินลงทุนที่น้อยกว่า

✅ ประสบการณ์

การเลือกกลยุทธ์ที่ซับซ้อนซึ่งมีส่วนประกอบมากมายอาจเป็นแนวทางที่ดีสำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์ แต่อาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากสำหรับผู้เริ่มต้น การเลือกกลยุทธ์ต้องพิจารณาระดับประสบการณ์และความรู้ของคุณ หากกลยุทธ์เข้าใจยากเกินไป หรือใช้เวลาทำความเข้าใจมากเกินไป กลยุทธ์นั้นอาจไม่เหมาะกับคุณ คุณต้องฝึกฝนแนวทางพื้นฐานก่อนจะลองใช้กลยุทธ์ที่ซับซ้อนขึ้น

ปรับแนวทางและลองฝึกฝน

คุณสามารถสร้างแนวทางการเทรดของตนเองได้ แทนที่จะสงสัยว่า “กลยุทธ์การเทรดที่ใช้ได้ผลที่สุดคืออะไร” ซึ่งเรื่องนี้ต้องอาศัยการฝึกฝนและอดทน แต่ถือว่าคุ้มค่าแน่นอน อย่าลืมเรื่องสำคัญที่ว่าไม่มีกลยุทธ์ไหนที่ใช้งานได้ผลเสมอไป การเทรดมีโอกาสขาดทุนได้เสมอ ดังนั้นอย่าเพิ่งปฏิเสธกลยุทธ์ทันที หากกลยุทธ์นั้นไม่ได้ให้ผลลัพธ์ตามที่คุณคาดหวังไว้

แต่ควรติดตามกลยุทธ์ต่างๆ ที่กำลังทดลองใช้และจดบันทึกว่ากลยุทธ์ใช้งานได้ดีหรือล้มเหลว ซึ่งสามารถทำได้โดยจดบันทึกการเทรดเป็นประจำ หลังจากนั้นไม่นาน คุณจะสามารถทิ้งกลยุทธ์ที่ไม่ได้ผลเพื่อรวมกลยุทธ์ที่ให้ผลลัพธ์ดีและเข้ากับแผนการเทรดของคุณ

☝️

องค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์การเทรดคืออะไร

เครื่องมือวิเคราะห์ที่นักเทรดใช้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์ อย่างไรก็ตาม ประเภทของการวิเคราะห์ที่นักเทรดใช้จะขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ กรอบเวลา และเป้าหมายส่วนตัวของนักเทรด

กลยุทธ์เทรดใดที่ให้กำไรมากที่สุด

ไม่มีกลยุทธ์ไหนที่เป็นกลยุทธ์การเทรดที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่ ดังนั้นจึงไม่มีกลยุทธ์ใดที่สามารถรับประกันกำไรได้ การค้นหาแนวทางที่เหมาะกับคุณขึ้นอยู่กับการลองผิดลองถูก

ควรลงทุนเทรดเท่าไร?

ขนาดสถานะจะขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เงินทุนเริ่มต้น และเป้าหมายโดยรวม กฎทั่วไปที่นักลงทุนบางส่วนใช้คือจำกัดความเสี่ยงไว้ที่ 1-2% ของเงินลงทุนเริ่มต้น

เทรดตอนนี้