การเทรด CFD ในประเทศไทย

การเทรดเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทย นักเทรดจำนวนมากอยากรู้ว่าวิธีการทำงานเป็นอย่างไร และแพลตฟอร์มเทรดยอดนิยมมีที่ไหนบ้าง มาดูกันว่าการเทรด CFD ในประเทศไทยคืออะไร และคุณต้องรู้อะไรบ้างเพื่อเริ่มต้น

CFD คืออะไร 

CFD ย่อมาจาก “Contract for Difference” CFD คืออนุพันธ์ ที่ทำให้นักเทรดสามารถเข้าตลาดได้โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิง เมื่อนักเทรดเปิดดีลใน CFD จะสามารถรับกำไรจากส่วนต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิดของสินทรัพย์ที่เทรด นักเทรดจะเป็นผู้คาดการณ์เกี่ยวกับทิศทางของราคาสินทรัพย์ ในกรณีที่การคาดการณ์ถูกต้องและราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่เลือก นักเทรดจะได้รับกำไร แต่ถ้าเป็นตรงกันข้าม นักเทรดจะเสียเงินในดีลนั้น
ข้อดีของการเทรด CFD ในประเทศไทย

ข้อดีของการเทรด CFD ในประเทศไทย

เงินลงทุนเริ่มต้นน้อย

การเทรด CFD ให้โอกาสเข้าร่วมตลาดสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการหรือไม่สามารถสร้างพอร์ตนักลงทุนได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้านักเทรดต้องการกำไรจากหุ้น Apple หรือ Tesla ก็สามารถเลือกหนึ่งในสองเส้นทาง

• นั่นคือนักเทรดสามารถเป็นนักลงทุน โดยซื้อหุ้นราคาแพงและถือครองไว้เป็นระยะเวลานานเพื่อขายในราคาที่สูงกว่าภายหลัง ซึ่งอาจต้องใช้เงินอย่างน้อย $150-$200 เพื่อใช้ซื้อหุ้นที่ต้องการ และต้องรอหลายเดือนหรือหลายปีจึงจะเห็นผลตอบแทนขึ้นอยู่กับสถานะของตลาด
• อีกเส้นทางคือการเทรด CFD หากต้องการทำเงินจาก Apple หรือ Tesla (หรือสินทรัพย์อื่นๆ) นักเทรดสามารถเปิดสถานะซื้อหรือสถานะขาย ขึ้นอยู่กับความคาดหวังของตัวเองเกี่ยวกับราคาสินทรัพย์ (ไม่ว่าจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง) ในกรณีของการคาดการณ์ที่ถูกต้อง นักเทรดจะได้ประโยชน์จากส่วนต่างของราคาระหว่างช่วงเวลาที่สถานะเปิดและปิด ในการเทรด CFD นักเทรดไม่จำเป็นต้องซื้อหรือขายหุ้น เพียงแค่เปิดเทรดด้วยจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ ซึ่งบางครั้งต่ำเพียง $1

เทรด Long และ Short

การเทรด CFD ทำให้นักเทรดสามารถซื้อขายได้ทั้งสินทรัพย์ที่กำลังเติบโตและสินทรัพย์ที่กำลังถดถอย ซึ่งไม่เหมือนกับการลงทุนปกติ นักเทรดสามารถทำเงินได้จากสินทรัพย์ที่กำลังร่วงโดยการคลิก “ขาย” และเปิดสถานะ “Short” สิ่งนี้ทำให้มีกลยุทธ์การเทรดจำนวนมากพร้อมใช้งาน เช่น สกัลปิ้ง เฮดจิ้ง หรือการเทรดแนวโน้ม อีกทั้งยังเพิ่มจำนวนดีลที่เป็นไปได้ที่นักเทรดสามารถทำได้ และช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ

ความเร็ว

การตอบสนองต่อข่าวและเหตุการณ์อย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญเมื่อทำการเทรดในตลาดการเงิน นักเทรดสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาเพียงเล็กน้อย และติดตามแนวโน้มระยะสั้น ตัวอย่างเช่น หาก Elon Musk โพสต์ทวีตที่กระตุ้น BTC ชั่วคราว นักเทรดสามารถเทรด CFD ใน Bitcoin เพื่อใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้นนั้น โดยไม่ต้องซื้อเหรียญจริง

ความเร็วมีความสำคัญพอๆ กับการป้องกันความเสี่ยง เพราะการปิดสถานะ CFD อย่างรวดเร็วเป็นข้อดีอีกอย่างที่ช่วยให้นักเทรดควบคุมพอร์ตการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น

ตัวคูณ

การเทรด CFD ใช้เงินทุนเริ่มต้นต่ำ โบรกเกอร์บางรายเสนอการลงทุนขั้นต่ำเพียง $1 เนื่องจากตราสารมีตัวคูณ ซึ่งรู้จักกันในชื่อเลเวอเรจ (เงินที่โบรกเกอร์ให้เพื่อช่วยเพิ่มทุนของคุณ) ทำให้นักเทรดไม่จำเป็นต้องมีเงินส่วนตัวจำนวนมากเพื่อเริ่มเทรด สถานะที่ใช้เลเวอเรจสามารถให้กำไรมากขึ้นในกรณีที่การคาดการณ์ของนักเทรดถูกต้อง

สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ แม้ว่าตัวคูณจะทำให้เงินในบัญชีมากขึ้น แต่มันก็เพิ่มความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินลงทุนในดีลได้เร็วกว่า นักเทรดต้องใช้ตัวคูณด้วยความระมัดระวังและเข้าใจวิธีการทำงานอย่างถ่องแท้ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูที่บทความเกี่ยวกับการใช้ตัวคูณเพื่อประโยชน์สูงสุดของคุณ

ความยืดหยุ่น

นักลงทุนมักจะซื้อหุ้นของบริษัทที่สนใจและถือเอาไว้เป็นระยะเวลานาน อย่างไรก็ตาม หุ้นดังกล่าวอาจมีราคาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะหากเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง เมื่อเทรด CFD คุณจะไม่ถูกจำกัดจำนวนหุ้น เพราะสามารถซื้อขายหุ้นบริษัทกี่แห่งก็ได้ตามต้องการ และได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นโดยไม่ต้องมีภาระในการถือครอง วิธีนี้ทำให้สามารถเข้าถึงตลาดหุ้นทั่วโลกและมีดีลของสินทรัพย์ต่างๆ นับสิบได้พร้อมกันโดยไม่ทำให้เงินทุนของคุณเสียไป

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ไม่ใช่แค่หุ้นที่สามารถเทรดด้วย CFD โบรกเกอร์ CFD ช่วยให้นักเทรดเข้าถึงหุ้น ฟอเร็กซ์ คริปโต ETF สินค้าโภคภัณฑ์ และอื่นๆ ดังนั้นคุณสามารถเลือกสินทรัพย์ได้หลายร้อยรายการ ความหลากหลายนี้ช่วยสร้างพอร์ตที่สมดุล ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการบริหารความเสี่ยง

ความเสี่ยงของการเทรด CFD 

แม้ว่าการเทรด CFD จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายบางอย่างที่ต้องพิจารณา สถานะที่ใช้เลเวอเรจอาจมาพร้อมกำไรที่มากขึ้น แต่ก็สามารถทำให้นักเทรดขาดทุนได้เช่นกัน

การเทรด CFD มีความเสี่ยงและควรใช้กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่ชัดเจน ซึ่งต้องเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดและอาจใช้เวลานานกว่าการลงทุน นักเทรดต้องตรวจสอบเทรดและออกจากการเทรดให้ทันเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียที่ไม่จำเป็น ในขณะเดียวกันก็ควรใช้เครื่องมือบริการจัดการเงิน เช่น Stop Loss และ Take Profit เพื่อจัดการดีลให้ดีขึ้น เรียนรู้วิธีใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้ใน คำแนะนำที่นี่

นักเทรด CFD คือผู้ที่สนุกกับการเทรดเร็ว แต่สามารถตัดขาดทุนและออกจากตลาดได้เมื่อไม่เป็นไปตามแผนการเทรดที่ตนเองกำลังใช้อยู่ ซึ่งต้องยินดีที่จะเรียนรู้ ลองใช้วิธีการใหม่ๆ และเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น

เลือกโบรกเกอร์ CFD ในไทยอย่างไร

สิ่งที่สำคัญที่สุดในช่วงเริ่มต้นเส้นทางการเทรดคือการเลือกโบรกเกอร์ CFD ที่เหมาะสม มีโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ดังนั้นคุณสามารถเปรียบเทียบเงื่อนไขการซื้อขายและตัดสินใจว่าโบรกเกอร์ไหนดีที่สุดสำหรับคุณ

สิ่งสำคัญบางอย่างที่ควรคำนึงถึงคือ จำนวนสินทรัพย์ที่มีให้เทรด ค่าธรรมเนียม ค่าคอมมิชชัน จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ ยอดถอนเงินขั้นต่ำ รวมถึงฟีเจอร์ห้องเทรด หากคุณใช้อุปกรณ์หลายเครื่อง (แล็ปท็อป สมาร์ทโฟน) คุณอาจต้องตรวจสอบแอปมือถือด้วย เพื่อให้สามารถเข้าถึงห้องเทรดได้ตลอดเวลา

แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องผูกมัดกับโบรกเกอร์เพียงรายเดียว หากคุณต้องการทดลองเทรด CFD ในไทย คุณสามารถลงทะเบียนบัญชีกับโบรกเกอร์หลายราย และลองใช้บัญชีทดลองก่อนที่จะฝากเงินจริง ดูข้อมูลเปรียบเทียบแพลตฟอร์มการเทรดดชั้นนำที่รวบรวมไว้ เพื่อให้คุณไอเดียที่ดีขึ้นเกี่ยวกับเงื่อนไขการซื้อขาย

สรุป

การเทรด CFD ในประเทศไทยกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจข้อดีและข้อเสียของการเทรดประเภทนี้ ความยืดหยุ่นและความเร็วเป็นตัวกำหนดลักษณะของ CFD ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกในการเข้าถึงตลาดหุ้นทั่วโลก คริปโต ฟอเร็กซ์ และสินทรัพย์อื่นๆ แต่มันก็ค่อนข้างเสี่ยงและต้องใช้ความระมัดระวัง การเลือกโบรกเกอร์ออนไลน์ที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในขั้นตอนแรกที่นักเทรดมือใหม่ควรทำก่อนเริ่มซื้อขายด้วยเงินจริง